พระรองหัวใจเหล็ก มิเชล บัลลัค ไปลุยในศึกยูโรปี 2008 แต่ผลสุดท้าย ก็พ่ายแพ้

พระรองหัวใจเหล็ก เขาได้เป็นแค่รองแชมป์ เอสเซียง แล้วมันเหมือนกับว่า คำสาปมันได้กลับมาเยือนจักรพรรดิน้อยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกัปตันบัลลัค ไปลุยในศึกยูโรปี 2008 Michael Ballack แต่ผลสุดท้าย ก็พ่ายแพ้ให้กับทีมชาติสเปน ด้วยสกอร์ 0 ประตูต่อ 1 mister พระรอง

เขาไม่เคยเสียใจกับเรื่องแค่นี้ เขากลับมาตั้งปณิธานใหม่ ที่เขาตั้งขึ้นกับตัวเองว่า เขาจะต้องพาทีมชาติ ขึ้นไปถือถ้วยแชมป์สักครั้ง แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เป็นใจอีกครั้ง เมื่อเขานั้นประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถไปช่วยทีมสู้ศึกบอลโลกปี 2010 มิชาเอล บัลลัค ได้

โดยโยฮา คิมเลิฟ แต่งตั้งฟิลิป ไลม์ขึ้นมาเป็นกัปตันแทน และถึงแม้จะพลาดในการไปเล่น แต่เขานั้นก็ยังตามไปดู โดยเขาไปเช่าห้องพักใกล้ๆกับแคมป์ทีมชาติ เพื่อที่ตนเอง จะได้มีส่วนช่วยให้น้องๆเป็นแชมป์โลก

พระรองหัวใจเหล็ก

แต่ว่า ตัวเทพฟุตบอล เช ล ซี นั้น กลับไม่ได้การต้อนรับจากทีม ทีมชาติเยอรมันในชุดนั้น ไม่มีใครยอมรับฟังเขา มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และนั่นทำให้บัลลัค กับฟิลิป ไลม์ เกิดความขัดแย้งขึ้นในแคมป์ทีมชาติ จนเหล่า staff ในแคมป์

จำต้องไล่เขา โจ โคล เก็บข้าวของออกจากแคมป์เยอรมัน ต่อมาไม่นาน เขาถึงกับช็อก เมื่อกัปตันทีมใหม่ได้ออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาจะไม่คืนปลอกแขนกัปตันเด็ดขาด เนื่องจากมันเป็นการแต่งตั้งของโค้ช

และมันทำให้เขาฉุนขาดในทันที ด้วยวัย 34 ปี ตำนาน กองหน้า เช ล ซี เขาบอกกับตัวเองว่า เขาจะต้องกลับมาท็อปฟอร์มให้ได้ แล้วจะต้องกลับมาติดทีมชาติให้ได้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อไปสั่งสอนเด็กๆรุ่นใหม่ ให้รู้จักเชื่อฟังรุ่นพี่บ้าง แต่ที่จริงแล้ว

อันที่จริงแล้วตั้งแต่โค้ชใหม่เข้ามา ระบบต่างๆก็เปลี่ยนไป โดยโค้ชได้ลองมองหานักเตะใหม่ๆ เพื่อมาแทนเขา และล้างนักเตะที่มีอิทธิพลกับทีม ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิจากไหนก็ตาม ทั้งโทนี่ โครส เดคีร่า คือนักเตะที่โค้ชใหม่ดันขึ้นมา

ให้เป็นตัวแทนของบันลัค และบางทีเขานั้นอาจจะรู้ตัว ตั้งแต่เขามีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม ระหว่างเกมที่เยอรมัน เอาชนะเวลไปด้วย 2 ประตูต่อ 0 Ballack goal โดยในตอนนั้น เขาได้เข้าไปสั่งการให้คนในทีมทำตาม แต่คนในทีมไม่ยอมทำตาม

พระรองหัวใจเหล็ก

และก็ได้ตบที่หน้าของเขา จนทำให้เกิดการปะทะเดือดกันเกิดขึ้น แล้วตั้งแต่โค้ชใหม่เข้ามา โร แบร์ ปิ แร ส ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป แต่เขานั้นไม่ยอมเปลี่ยนตาม การใช้อำนาจของเขา ถูกมองว่าเป็นปัญหาต่อทีม เขาจึงถูกเมินจากทีมชาติเยอรมัน

ซึ่งถ้าหากมองย้อนกลับไป ถึงสิ่งที่เป็นแบบนี้ของ มิเชล บัลลัค มันอาจจะเป็นเพราะว่า เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับเด็กแถวบ้านที่โตกว่า และเด็กที่โตกว่านั้น ชอบออกคำสั่งกับเขา จึงทำให้เขาฝังใจว่า นักเตะที่เป็นรุ่นน้อง

จะต้องเชื่อฟังนักเตะรุ่นพี่ จักรพรรดิน้อยต่อสู้จนถึงวาระสุดท้ายกับลิเวอร์พูลเซ่น แต่ก็ไร้วี่แวว ที่เขาจะได้มาติดทัพเยอรมัน ในชุดศึกลุย ยูโรปี 2012 จากนั้นแฟนบอลเยอรมัน ก็มีกระแสกล่าวหาว่า เขานั้นทำให้ทีมเยอรมันเข้าสู่ยุคมืด

แต่อันที่จริงแล้ว เขาคือจักรพรรดิ ที่พาทีมก้าวสู่ยุคเปลี่ยนถ่าย ของรูดี้โฟลเดอร์ ที่ได้สร้างมาพบให้เขา เป็นศูนย์กลางของทีม จนทำให้ทีมเยอรมันรวมขิงแก่ในตอนนั้น กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2002

แต่หลังจากที่เขาลดทีมชาติไป ทุกอย่างที่โค้ชใหม่ได้สร้าง ก็ลงตัวไปหมด ทำให้อินทรีเหล็ก ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลก

โดยไร้จักรพรรดิ์ในปี 2014 แต่สิ่งที่บัลลัคได้สร้างเอาไว้ คือการแบกทีม โดยการควบคุมเกมทั้งหมดด้วยตัวเอง ผนวกกับการเปลี่ยนเกมโดยการโยนบอลจากเท้าของเขา ไปยังจุดที่อันตรายที่สุดของฝ่ายตรงข้าม

พระรองหัวใจเหล็ก

ทำให้จากเกมที่ไม่มีอะไร กลายเป็นความได้เปรียบ เมื่อบอลออกจากเท้าของเขา แม้ว่าเขานั้นจะถูกเรียกว่าพระรองตลอดกาล แต่เขาก็สู้เพื่อที่จะเป็นพระเอกให้ได้ ในสักวันหนึ่ง และในบางครั้ง ถ้านับจำนวนถ้วยแชมป์

มันไม่ได้มีความหมายกับนักเตะคนนั้นเสมอไป แต่สิ่งที่เขาสร้างไว้ในวงการฟุตบอลต่างหาก คือผลงานที่แท้จริง แล้วคุณล่ะ เวลาที่ผิดหวังติดต่อกันหลายๆครั้ง คุณได้ลุกขึ้นมาสู้อย่างที่เขาได้ทำไว้หรือเปล่า

หรือปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นต่อไป การที่เราเจออุปสรรคมากกว่าคนอื่น นั่นไม่ได้แสดงว่า เราจะไม่ประสบความสำเร็จ และความสำเร็จก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่า ใครเก่งกว่าเสมอไป เรื่องราวที่คุณก้าวผ่านมันมาต่างหาก

คือเครื่องพิสูจน์ว่าคุณเก่งแค่ไหน แล้วถ้าอยากจะเป็นจักรพรรดิให้ได้อย่าง มิเชล บัลลัค คุณต้องเสียสละ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นขึ้นกับกองทัพ และมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ พี่จะพาลูกทีม ก้าวผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุด

Miss M